Home โซเชียล หญิงวัย 48 ปี จบ กศน. ขยันทำงาน จนปลดหนี้ 3 แสน ซื้อบ้านให้พ่อแม่

หญิงวัย 48 ปี จบ กศน. ขยันทำงาน จนปลดหนี้ 3 แสน ซื้อบ้านให้พ่อแม่

0
1,471

เมื่อพูดถึงความลำบากที่ชีวิตต้องเผชิญ ทำให้เธอต้องเลือกเส้นทางเดินของตัวเอง “วรรณา กลิ่นรักษา” วัย 48 ปี สาวยาคูลท์เขตพื้นที่ ต.ห้วยทรายเหนือและห้วยทรายใต้ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ซึ่งจะมาถ่ายทอดประสบการณ์ตลอดระยะเวลา 30 ปี บนเส้นทางอาชีพสาวยาคูลท์ให้แก่ทุก ๆ ท่านได้ฟังกันในวันนี้

เธอบอกว่า “ยินดีมากค่ะ…” ถ้าชีวิตของเธอสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ผู้อ่าน และสาว ๆ ที่อยากทำอาชีพนี้…

โดยพี่วรรณาได้เริ่มเล่าย้อนกลับไปเมื่อยังเป็นเด็ก จากเด็กในอ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี พ่อแม่มีอาชีพทำนา มีพี่น้องทั้งหมด 8 คน โดยมีพี่ชายคนโตและเธอที่ได้เรียน ส่วนเธอจบเพีຍงชั้น ป.6

เพราะคนสมัยโบราณไม่ค่อยส่งเสริมให้ลูกผู้หญิงเรียนเท่าไหร่นัก จึงออกมาทำงานรับจ้างช่วยพ่อแม่จวบจนครบ 3 ปี ตัดสินใจทำตามความฝันตัวเองอยากเป็นครู จึงไปสมัครเรียนที่ กศน. จนจบ ม.3 และใช้วุฒิดังกล่าวสมัครงานที่ บริษัท ยาคูลท์ (ประเทศไทย) จำกัด

“เด็ก ๆ พี่ก็จะไปรับจ้างเลี้ยงเด็ก รับจ้างซักผ้า วันละ 50 บาท และรียน กศน. ไปด้วย วันหนึ่งก็มีคนเรียกให้ไปสัมภาษณ์ และเข้าอบรม 3 สัปดาห์ เพื่อให้รู้ว่าประโยชน์ของยาคูลท์คืออะไร ถ้าเราอธิบายไม่ได้ ลูกค้าก็ไม่มีแรงจูงใจที่จะรักเรา เพราะเราก็จะกลายเป็นแค่คนขายธรรมดา ไม่ใช่สาวยาคูลท์ที่รู้จริงเพื่อประโยนชน์ของลูกค้า” สาวรายนี้ กล่าวให้ฟัง

จากนั้นเธอได้ขายยาคูลท์โดยเป็นสแปร์ (พนักงานทดแทนงาน) อยู่ประมาณ 2 ปี เพื่อเรียนรู้และอดทนเป็นสาวยาคูลท์ตัวจริง ซึ่ง 2 ปีนี้เธอได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมาย แม้จะไม่ทำให้รวยอู้ฟู่หรือรวยในพริบตา แต่เธอกลับเริ่มรวยน้ำใจเพิ่มขึ้น ๆ จนกระทั่งเรียนจบ กศน. เทียบเท่าวุฒิ ม.6

จากนั้นเธอตามล่า “ความฝัน” ที่เป็นเป้าหมายอย่างไม่ลดละ…แม้พ่อกับแม่ของเธอไม่อยากให้เรียนต่อ ไม่อยากให้เป็นสาวยาคูลท์ ท้ายที่สุดเธอสอบติดในระดับมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง แต่ด้วยภาระทั้งส่งน้องสาวคนสุดท้องเรียนหนังสือ และรายจ่ายของครอบครัว ทำให้เธอจบเพีຍงระดับอนุปริญญา

จึงต้องพักความฝันการเป็นครูเอาไว้ก่อน และตั้งใจว่าเมื่อมีเวลาจะกลับมาเรียนต่อให้จบปริญญา จากนั้นเธอตั้งใจทำงานเป็นสาวยาคูลท์ หมั่นเก็บออมเงินหวังสักวันในอนาคตว่า…ฉันนี่แหละจะสร้างความภูมิใจให้กับพ่อและแม่ ด้วยการขยันเรียนและทำงานควบคู่กันไป เพื่อปลดนี้ให้พ่อแม่จากอาชีพสาวยาคูลท์

เธอเป็นคนแรก ๆ ที่บุกเบิกในพื้นที่ไปส่งยาคูลท์ให้กับลูกค้า ซึ่งนอกจากความรู้เกี่ยวกับจุลินทรีย์แลคโตบาซิลลัส คาเซอิ ชิโรต้า ที่มีติดตัว เธอยังต้องศึกษาแผนที่และเส้นทาง ทำการบ้านทุกวัน เพราะทุกการเดินทางต้องรู้ว่าจะไปถึงลูกค้ากี่โมง

ช่วงแรก ๆ เธอต้องขี่รถจักรยานยนต์ไปกลับจากตัวเมืองเพชรบุรี ถึงจุดหมาย อ.ชะอำ ประมาณ 100 กว่ากม./วัน ทำแบบนี้อยู่ 7 ปีโดยที่ความอดทนไม่เคยลดเลย เพราะเธอท่องคำ ๆ นี้เสมอ “เรายังมีพ่อแม่ ยังมีน้องที่ต้องส่งเรียนหนังสือ ยังต้องปลดหนี้” กระทั่งเธอตัดสินใจเสียสละความฝันไม่เรียนต่อ เพื่อความอยู่รอดของครอบครัว

ในสมัยก่อนวันหนึ่งถ้าขายได้ 500-600 ขวดก็ถือว่าสูงมาก ๆ แล้ว แต่ก็ต้องขยันตื่นตั้งแต่ 05.00 น. ทำกิจวัตรประจำวันของตัวเองให้เสร็จ ก่อนที่จะไปรับยาคูลท์จากศูนย์กระจายสินค้าเพื่อนำไปส่งตามบ้านเรือน

ซึ่งลูกค้าบางบ้านก็จะวางเงินเอาไว้ให้ เธอจึงภูมิใจตรงจุดนี้ที่ลูกค้าไว้ใจ ส่วนเธอก็มอบความซื่อสัตย์เป็นสิ่งตอบแทน หรือแม้แต่บางหน่วยงานราชการก็อนุญาตให้เข้าไปขายได้ เธอจึงภูมิใจที่อาชีพนี้มอบสิ่งต่าง ๆ ให้เธอ

กระทั่งห่วงวิกฤติชีวิตของพี่วรรณาเกิดขึ้นในปี 2544 สิ่งต่าง ๆ ที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรง อาทิ บ้าน 2 หลัง เธอต้องขายทิ้ง 1 หลังและยอมขาดทุน หลังหมอตรวจพบ “เนื้องอกในมดลูก” เธอจึงย้อนกลับไปคิดถึงอดีตที่ว่า ในวันที่ไม่เชื่อว่าจากคนที่ไม่มีอะไร จะทำเรื่องกู้บ้านสำเร็จ วันนั้นสามารถมีบ้านเป็นชื่อของตัวเอง

แต่ในวันนี้ “คิดดูว่าถ้าพี่ไม่ขายบ้าน พี่ก็คงไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ อย่างน้อยพี่คิดว่าขายเพื่อเอาเงินมารักษาตัวเอง และกลับมาทำงานหาเงินใหม่ดีกว่า” ผู้หญิงที่ไม่เคยยอมแพ้ต่อชะตาชีวิต เล่าให้ฟัง

จากนั้นก็คิดหาทางต่อยอดเงินขายบ้าน ซึ่งเป็นส่วนที่เหลือจากรักษาตัว หลังจากกลับมาทำงานเป็นสาวยาคูลท์ได้ตามปกติ โดยออกรถยนต์ 1 คันปล่อยเช่า เพื่อหมุนเงินส่งเสียลูกของน้องสาวเรียนหนังสือ เพราะหลานชายใฝ่ฝันว่า “ผมอยากเป็นครู” พี่วรรณาจึงสนับสุนหลานชายเต็มที่

เพราะเชื่อว่าความพยายามใฝ่เรียนและความรู้จะบันดาลให้พบเจอแสงสว่างในชีวิต ขอเพีຍงอย่าหมดกำลังใจไปเสียก่อน อย่างเช่นเธอที่ตอนนี้เพื่อน ๆ ก็ยอมรับว่า…ไม่คิดว่าสาวยาคูลท์อย่างเธอจะทำให้ชีวิตครอบครัวดีขึ้นได้มากขนาดนี้

อีกทั้งอาชีพสาวยาคูลท์นี่แหละ ทำให้เธอปลดหนี้ให้พ่อแม่ได้สำเร็จ ด้วยความมัธยัสถ์ผ่อนเดือนละ 2-3 พันบาท แม้จะไม่ใช่เงินเป็นก้อน แต่หนี้กว่า 2-3 แสนบาทที่ผ่อนกับธนาคาร มันก็เป็นเงินน้ำพักน้ำแรงของเธอที่ภูมิใจมากที่สุด ยิ่งกว่าทรัพทย์สินทั้งหมดในชีวิตที่หาได้ เพราะเธอทำให้พ่อแม่ยิ้มอย่างมีความสุขด้วยอาชีพสาวยาคูลท์

พี่วรรณา ยังได้ให้แง่คิดและเทคนิคการเป็นสาวยาคูลท์ที่ดีด้วยว่า…

“…น้ำใจเป็นสิ่งสำคัญ พี่เคยผ่านความลำบากพี่จึงรู้ได้ การดูแล เอาใจใส่ ความสุขของลูกค้า ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันพี่จะทำเสมอ เพราะเราไม่ได้มุ่งมาเอาเงินลูกค้า เราก็คนจังหวัดเดียวกัน บ้านเดียวกัน น้ำใจและมิตรภาพยิ่งให้ยิ่งได้ บอกได้คำเดียวดีแน่นอน อดทนแล้วได้ดี อีกทั้งมีรายได้เลี้ยงครอบครัว

เพราะก่อนมาเป็นสาวยาคูลท์ พี่ก็มีชีวิตที่ลำบาก พ่อแม่มีอาชีพทำนา ต้องรับจ้างซักผ้าและเลี้ยงเด็ก เก็บเงินเรียนจบ ม.6 ตั้งใจว่าจะเรียนต่อครู แต่พอบริษัท ยาคูลท์ (ประเทศไทย) จำกัด รับสมัครงาน จึงได้มาสมัครเป็นสาวยาคูลท์ ตลอดระยะเวลา 30 ที่ได้เป็นสาวยาคูลท์ทำให้ชีวิตดีขึ้น

สามารถซื้อบ้าน 2 หลัง ซื้อรถ ส่งหลาน ๆ เข้าโรงเรียนประจำจังหวัด และยังใช้หนี้ให้พ่อแม่ซึ่งมีอาชีพทำนาได้หมด พี่รู้สึกภาคภูมิใจในอาชีพนี้ เป็นอาชีพที่คนรู้จักทั้งประเทศ ทำให้ลูกค้าสุขภาพแข็งแรง และที่สำคัญสามารถเลี้ยงดูคนทั้งครอบครัวได้”

แหล่งที่มา: liekr

เรียบเรียงโดย ยิ้มสยาม

Leave a Reply

Your email address will not be published.